วันจันทร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2554

Google Plus

            
            Google+ (Google Plus) คือโครงการของ Google ที่มีความพยายามมานานหลังจากมีการออกมายอมรับก่อนหน้านั้นว่า Google ขยับตัวช้าไปในเรื่องนี้แถมยังมีข้อเสนอพิเศษให้กับพนักงานที่สามารถคิดโครงการ Social Networks ให้ออกมาประสบความสำเร็จอีกด้วย
โดยก่อนหน้านี้เราคงเห็นปุ่ม
Google + ที่เปิดตัวกันไปก่อนหน้านี้แล้วซึ่งหลายคนก็ยังมีข้อสงสัยกันอยู่ว่ากดไปแล้วมันจะได้อะไร แหล่งปลายทางของข้อมูลที่กด Google+

วันนี้ทาง
Google เปิดตัว Social Networks ของตัวเองแล้วโดยใช้ชื่อว่า Google + (Plus) นั่นเองโดยเข้าไปเล่นกันได้ที่
https://plus.google.com


Google Plus มีของเล่นหลักๆให้เล่น 4 อย่าง
 1. Cycles คือ เอาไว้จัดกลุ่มว่าเราจะให้บุคคลที่เรากำลังติดตามอยู่ เค้าไปอยู่กลุ่มไหน ไม่ว่าจะเป็น เพื่อน ครอบครัว ที่ทำงาน แก๊งบ้าดารา แก๊งปั่นจักรยาน แก๊งตัดอ้อย แก๊งกรีดยาง เราสามารถจัดให้พวกเข้าเหล่านั้นเข้าไปอยู่ในแก๊งที่เราต้องการได้
2. Hangouts คือโปรแกรม VDO chat ต้องติดตั้งก่อน ออกแนวๆว่า เราเลือก Cycles หนึ่งหรือรวมๆ เลยก็ได้ แล้วเลือก Hangouts ในส่วนนี้ ผู้เล่น Google Plus ที่กำลังเหงาๆ อยากจะ Hangouts กับเพื่อนๆในกลุ่ม อยากจะเม้าอยากจะทำนู้นทำนี่ก็เปิดทิ้งไว้ เผื่อที่ใครจะเหงาหรืออยากจะคุยกับคนอื่นเบื่อๆอะไรแบบนี้ก็จะเข้ามาเจอกันโดยที่เราไม่จำเป็นต้องขอกล้องไป ตอบกล้องกลับเหมือน msn เหมือนเรากำลังออกไปข้างนอก (ท่องอินเตอร์เน็ต) แล้วไปเจอเพื่อนโดยบังเอิญ(เปิด Hangoutsทิ้งไว้) แล้วก็คุยกัน มันก็เกิดสังคมขึ้นมาอย่างสนุกสนาน หลายๆ คน อาจจะเข้าใจว่า เหมือน Face time หรือ VDO call    


3. Huddles คือ โปรแกรม instant massage หรือว่าการส่งข้อความโดยตรง ทั่วไปเหมือน Skype msn face book chat        แชทกันเม้ากันเป็นกลุ่มๆไปไม่มีอะไรแตกต่างมากมาย
4. Sparks คือ Feed  เรื่องที่เราสนใจ  หากเราสนใจเรื่องไหนเราก็แค่ add  เข้ามาในใน Google+  จากนั้นข่าวสารเรื่องที่เราสนใจก็จะมีให้เราเข้ามาอ่านอยู่เรื่อยๆ หากเรามีเรื่องที่จะแชร์ เราก็สามารถแชร์ลงใน Sparks

วิธีใช้
1. จัดการ Circle
add เพื่อนแล้วลากเข้า Circle เพื่อแบ่งกลุ่ม ซึ่งการแบ่ง Circle ย่อยๆ นี้จะไม่มีผู้ใช้คนอื่นมารู้ได้ว่าเราให้เพื่อนคนไหน  ไป อยู่ Circle ไหน  เป็นข้อดีมากๆ เราอาจจะแบ่ง Circle เป็นระดับเช่น เพื่อนที่ไม่เคยคุยกันก็ใส่ Circle a, เพื่อนรู้จักกันใส่ Circle b, เพื่อสนิท Circle c เป็นต้น
2. หน้า Stream คล้ายๆหน้า Wall ของ Face book
เวลาโพส Topic จะต้องเลือกก่อนว่าจะให้สิทธิ์ใครมองเห็น Topic
Public คือเห็นหมดเลย
Your Circle คือให้เห็นเฉพาะทุกคนที่เรา Add ไว้ใน Circle
Extended Circle คือให้คนใน Circle ของเพื่อนมองเห็นด้วย
Limit เป็น status ที่บอกว่าข้อความนี้กำหนดให้เห็นเฉพาะบาง Circle หรือบางคนเท่านั้น
2.1 นอกจากนี้กรณีที่เราเพิ่งเพิ่มเพื่อนใหม่เข้า Circle x เพื่อนคนนี้ก็จะมองเห็นทุกๆ Topic ที่เราเคยแชร์ไว้ให้ Circle x ทันที
2.2   ข้อดีเหนือ Face book คือ Topic ใครที่กำหนดเป็น public เราจะเข้าไปเขียน comment ได้เลยโดยไม่ต้องอยู่ใน Circle ของเจ้าของ Topic
3. เทคนิคการโพสข้อความ [+Alex Quinn]
• _
italic text_ italic text
• *
bold text*
bold text
• -
strikethrough text-
(ใช้ได้เฉพาะกับภาษาอังกฤษเท่านั้น:+Chankit Yongpiyakul)
• mention คนอื่น@Alex Quinn หรือ +Alex Quinn
+Alex Quinn
หลังจากโพสแล้วคลิกที่ปุ่ม dropdown arrow (
) ตรงขวาบน จะสามารถ Disable Comments จากคนอื่น หรือ Disable Reshape ไม่ให้คนเอา topic เราไป reshape ได้
กด “k” หรือ “j” เพื่อเลื่อนขึ้นลงใน stream ได้
กด Tab แล้วตามด้วย Enter หลังจากเขียน comment เสร็จ จะส่งข้อความให้ได้ สะดวกกว่าเอาเมาส์คลิก
4. Event ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับเราจะมี Notification เตือน ดูทางมุมขวาบน กล่องสีแดงๆ
เช่น
- มีคนมาตอบใน topic ของเรา
- เราไปโพส comment ใน topic คนอื่นแล้วมีคนมาโพสต่อจากเรา ก็จะมี notification มา
- มีคน mention เรา   นอกจากนี้เราสามารถคุยโต้ตอบใน Topic นั้นๆ ผ่าน notification ได้เลย อันนี้สุดยอด สะดวกกว่า  Face book มากๆ
สรุป
- ข้อเด่นของ G+ ที่สัมผัสได้ชัดเจนคือ เราสามารถ Add ใครก็ได้มาอยู่ใน Circle ของเรา โดยไม่ต้องรอการอนุมัติใดๆ
- ด้วยพลังของการจัดการ Circle ที่ดี ทำให้เราสามารถกำหนดการพูดคุยออกเป็นหลายๆ ระดับได้ ทำให้สามารถสร้างวงพูดคุยเฉพาะกลุ่มได้อย่างสะดวกมาก
- Notification เป็นศูนย์รวมการโต้ตอบกับ Event ต่างๆ ได้อย่างยอดเยี่ยม
ส่วนการรักษาความปลอดภัยของ Google  สามารถระบุการตั้งค่าการรักษาความปลอดภัยบนหน้าโปรไฟล์ของ Google ของคุณ, ส่วนหนึ่งที่เวลา

วันเสาร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ประวิติส่วนตัว

 
ชื่อ นางสาวสมถวิล   แป้ลลาภ
ชื่อเล่น หยก
วันเกิด 2 กรกฎาคม 2536
จบจาก  โรงเรียนหัวหิน
E-mail yok_0210@hotmail.com





ยุคของคอมพิวเตอร์

คอมพิวเตอร์จะประกอบด้วย 5 ยุคดังนี้
คอมพิวเตอร์ยุคที่ 1
อยู่ระหว่างปี พ.ศ. 2488 ถึง พ.ศ. 2501 เป็นคอมพิวเตอร์ที่ใช้หลอดสุญญากาศซึ่งใช้กำลังไฟฟ้าสูง จึงมีปัญหาเรื่องความร้อนและไส้หลอดขาดบ่อย
ถึง แม้จะมีระบบระบายความร้อนที่ดีมาก การสั่งงานใช้ภาษาเครื่องซึ่งเป็นรหัสตัวเลขที่ยุ่งยากซับซ้อน เครื่องคอมพิวเตอร์ของยุคนี้มีขนาดใหญ่โต เช่น มาร์ค วัน (MARK I), อีนิแอค (ENIAC), ยูนิแวค (UNIVAC)
คอมพิวเตอร์ยุคที่ 2
คอมพิวเตอร์ยุคที่สอง อยู่ระหว่างปี พ.ศ. 2502 ถึง พ.ศ. 2506 เป็น คอมพิวเตอร์ที่ใช้ทรานซิสเตอร์ โดยมีแกนเฟอร์ไรท์เป็นหน่วยความจำ มีอุปกรณ์เก็บข้อมูลสำรองในรูปของสื่อบันทึกแม่เหล็ก เช่น จานแม่เหล็ก ส่วนทางด้านซอฟต์แวร์ก็มีการพัฒนาดีขึ้น
โดยสามารถเขียนโปรแกรมด้วยภาษาระดับสูงซึ่งเป็นภาษาที่ เขียนเป็นประโยคที่คนสามารถเข้าใจได้ เช่น ภาษาฟอร์แทน ภาษาโคบอล เป็นต้น ภาษาระดับสูงนี้ได้มีการพัฒนาและใช้งานมาจนถึงปัจจุบัน
คอมพิวเตอร์ยุคที่ 3
 คอมพิวเตอร์ยุคที่สาม อยู่ระหว่างปี พ.ศ. 2507 ถึง พ.ศ. 2512 เป็นคอมพิวเตอร์ที่ใช้วงจรรวม (Integrated Circuit : IC)โดยวงจร รวมแต่ละตัวจะมีทรานซิสเตอร์บรรจุอยู่ภายในมากมายทำ ให้เครื่องคอมพิวเตอร์จะออกแบบซับซ้อนมากขึ้น และสามารถสร้างเป็นโปรแกรมย่อย ๆ ในการกำหนดชุดคำสั่งต่าง ๆ ทางด้านซอฟต์แวร์ก็มีระบบควบคุมที่มีความสามารถสูงทั้งในรูประบบแบ่งเวลาการ ทำงานให้กับงานหลาย ๆ อย่าง
คอมพิวเตอร์ยุคที่ 4
คอมพิวเตอร์ยุคที่สี่ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2513 จนถึงปัจจุบัน เป็นยุคของคอมพิวเตอร์ที่ใช้วงจรรวมความจุสูงมาก(Very Large Scale Integration : VLSI) เช่น ไมโครโพรเซสเซอร์ที่บรรจุทรานซิสเตอร์นับหมื่นนับแสนตัว ทำให้ขนาดเครื่องคอมพิวเตอร์มีขนาดเล็กลงสามารถตั้งบนโต๊ะในสำนักงานหรือพก พาเหมือนกระเป๋าหิ้วไปในที่ต่าง ๆ ได้ ขณะเดียวกันระบบซอฟต์แวร์ก็ได้พัฒนาขีดความสามารถสูงขึ้นมาก มีโปรแกรมสำเร็จให้เลือกใช้กันมากทำให้เกิดความสะดวกในการใช้งานอย่างกว้าง ขวาง
คอมพิวเตอร์ยุคที่ 5
คอมพิวเตอร์ยุคที่ห้า เป็นคอมพิวเตอร์ที่มนุษย์พยายามนำมาเพื่อช่วยในการตัดสินใจและแก้ปัญหาให้ดี ยิ่งขึ้น โดยจะมีการเก็บความรอบรู้ต่าง ๆ เข้าไว้ในเครื่อง สามารถเรียกค้นและดึงความรู้ที่สะสมไว้มาใช้งานให้เป็นประโยชน์ คอมพิวเตอร์ยุคนี้เป็นผลจากวิชาการด้านปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) ประเทศต่างๆ ทั่วโลกไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และประเทศในทวีปยุโรปกำลังสนใจค้นคว้าและพัฒนาทางด้านนี้กันอย่างจริงจัง

เทคนิคเกี่​ยวกับการตกแต่งภาพ

ก่อนที่จะเริ่มลงมือทำนั้น จะต้องโหลดตัว Script มาลงก่อน โหลด Script Lomo จากนั้นทำการแตกไฟล์ที่ได้มา แล้วนำไฟล์ที่ชื่อว่า CHLomoScript ไปไว้ที่ C:\Program Files\Adobe\Adobe Photoshop CS2\Presets\Scripts เมื่อลง Script เรียบร้อยแล้วก็เปิดโปรแกรม Photoshop ได้เลย

1. ให้เปิดรูปที่ต้องการขึ้นมา โดยไปที่ File---->Open
 
 
 
2. เมื่อได้รูปที่ต้องการแล้วให้ไปที่ เมนู File ---> Scripts --- > CHLomoScript  แล้วรอสักครู่เพื่อให้โปรแกรมจัดการรูปภาพให้เรา 



3. จากรูปที่ได้จะเห็นว่าสีมันจัดจ้านแสบตามาก เราต้องมาลดสีมันนิดหน่อย โดยคลิกเลือกที่เลเยอร์ Background และไปที่เมนู Image ---> Adjustments ---> Hue/saturation หรือ Ctrl+U 



ปรับค่า Saturation ตามใจชอบเพื่อลดความจัดของสีลงหน่อย จากในตัวอย่างปรับลดลงประมาณ -35 

 
รูปที่ทำเรียบร้อยแล้ว

 
เปรียบเที่ยบความแตกต่างของรูปก่อนทำและหลังทำ